จากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก หน้า ๑๖ และ ๑๗
'อนาคตังสญาณ' คือญาณที่ล่วงรู้อนาคต เป็นญาณของผู้มีอภิญญาจิต
สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง และปรากฏให้เราเห็นอย่างประจักษ์ชัดในพระราชนิพนธ์เรื่อง'พระมหาชนก'
นับได้ว่าเป็น Metaphysic experiment ที่มีมหากาพย์แห่งการฟื้นฟูแผ่นดินสยามฉบับนี้ชี้วัด
พระราชนิพนธ์เรื่องนี้ ถูกพิมพ์ออกมาจำหน่ายครั้งแรก ในปี ๒๕๓๙
โดยทรงใช้ความวิริยะอุตสาหะในการแต่งหนังสือที่ทรงรักเล่มนี้ ถึง๑๑ ปี
นั่นก็หมายความว่า ทรงทราบเหตุการล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี
จึงได้พระราชนิพนธ์ วิธีการฟื้นฟูต้นมะม่วง ๙วิธี ภายหลังที่ต้นมะม่วงถูกยื้อแย่งล้มลง
ซึ่งทั้ง๙ เป็นปริศนาธรรม อุบายวิธีของการฟื้นฟูแผ่นดินนี้
หากท่านพิจารณาใคร่ครวญอย่างโยนิโสมนสิการแล้ว เกิดความตระหนักรู้ เกิดปัญญาญาณ
เหตุการณ์ในวันนี้จึงบอกเราอย่างชัดแจ้งว่า
จำเป็นอย่างยิ่งและถึงเวลาแล้ว
ที่จะช่วยกันน้อมนำแนวทางและวิธีการ การฟื้นฟูแผ่นดินสยาม จากพระราชนิพนธ์ฉบับนี้ มาใช้ปฎิบัติให้เกิดผลจริง
ซึ่งเป็นทางออก ทางรอด และจะนำพาประเทศชาติให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนาอีกครั้ง
อนุโมทนา
ธัมมะอาสา
การถ่ายทอดปริศนาธรรมผ่านงานเขียน เปิดอิสระสู่การตีความผ่าน มุมมองจากฐานความรู้ ประสบการณ์ และการรู้รอบของผู้อ่าน
การตีความ: เหตุการณ์ที่เหล่าอำมาตย์และขุนนางพ่อค้า สวมเสื้อหลากสี หลากสำนัก หลายพรรค ยื้อแย่งปีนป่ายขึ้นสู่บันใดแห่งอำนาจ และกระทำทุกวิถีทางในการตีบ้านตีเมือง เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจและผลประโยชน์นั้น
: ผู้หลงผิด คิดว่าตนคือเหล่า วีรชนผู้กล้า มุ่งมั่นเพียรพยายาม ทุ่มเททรัพย์สินและหยาดเหงื่อ ยอมเสียสละเลือดเนื้อ หรือสละแม้แต่ชีวิตเพื่ออุดมการณ์รักชาติ รักประชาธิปไตย รักสถาบัน อันยิ่งใหญ่
เป็นผู้ถูกครอบงำด้วยสื่อเฉพาะกิจเชิงเดี่ยว ที่นำ'ความดี'(ไม่แท้) มารับใช้ 'ความชั่ว' ได้อย่างแยบคาย
ครั้งโน้นเหลือง
ครั้งนี้แดง

เหลือง แดง ทั้งคู่ นำมาสู่หายนะ
: ไพร่ฟ้าประชาชน ที่มีฐิทิ ยึดมั่นในฝักฝ่าย จากการถูกกระตุ้นเร้าด้วยสื่อเฉพาะกิจเชิงเดี่ยว ปลุกเร้าโทสะและโมหะตลอด24 ชั่วโมง แม้ความน้อยเนื้อต่ำใจจากความไม่เท่าเทียมและความอยุติธรรมในสังคม ความยากจน และสารพัดสารปัญหาสังคม (ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย หากคนห่างไกลศีลธรรม) ก็ถูกนำมาใช้ปลุกระดม ให้คนในชาติมีความเกลียดชัง จนสามารถลุกขึ้นมาประหัตประหารกันเอง
: แม้จะต้องอยู่คู่กัน แยกกันเมื่อใดก็หมดประโยชน์ หมดความหมาย
แต่ทั้งสองข้าง ทั้งสองสีก็พยายามที่จะไม่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
: media = mind control
สื่อใส่สี
ปรากฏการณ์ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ เป็นเครื่องบอกความเขลาอย่างยิ่งของเจ้าของสื่อและระบบทุน
ที่ทำให้คนไทยค่อนประเทศตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องพบกับข่าวร้าย
เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยจิตที่เป็นอกุศลก็จะพบอกุศลไปตลอดวัน
อีกทั้งที่ปลายของโทสะยังมีรสอร่อย ชวนให้เสพติด ทุกๆวัน
สื่อไม่ดี นอกจากจะเป็นกระจกสะท้อนสังคมแล้ว ยังเป็นการสร้างค่านิยมและชี้นำสังคมนั้นๆด้วย
ดุจดั่ง การเติมเชื้อไฟ แห่งโทสะ โมหะ โลภะ สังคมจึงถูกครอบงำด้วยโมหะภูมิอย่างไม่จบไม่สิ้น
: ทาส หรือตัวประกันที่ถูกจองจำ ท่ามกลางวงล้อมของความขัดแย้งและความรุนแรง (จะถูกทหารจับหรือถูกฝ่ายไหนยึดบัตรประชาชนไปด้วยหรือไม่นั้นก็มิอาจทราบได้)
จากยุคที่
ขุนนางอำมาตย์ อาจกลายเป็น ขุนนางพ่อค้า
ตะพุนหญ้าช้าง อาจกลายเป็น ลูกจ้างในห้างหรูๆ
เราพบว่าสมัยนี้ก็ยังมีทาสอยู่
หลายตนมีที่ดิน แต่ก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก
หลายตนแม้แต่ที่ดินก็ไม่เหลือ เพราะมีพวกตาน้ำข้าวคอยกว้านซื้อที่ต่อจากนายทุน
น่าแปลก
ทาสบางตนแต่งตัวดี ผูกไท้ใส่สูท สวมรองเท้าหนัง (ทั้งๆที่เมืองเราก็เป็นเมืองร้อน)
ทาสบางตนก็มีรถเบนซ์หรูๆ อยู่บนตึกสูงๆ
พวกนี้เป็นทาสที่ไม่รู้ตัว ว่า...ตัวเป็นทาส
พวกเขาจึงไม่เคยแม้แต่จะฝันถึงหรือสัมผัสกับอิสระ
แม้พวกเขาจะเรียกตนเองว่าเป็นไทย แต่เขาไม่เคยได้สัมผัสมัน
ไทยที่ไม่เคยเป็นไทแม้ร.๕ จะทรงโปรดก็ตาม
ทาสเหล่านี้น่าสงสารยิ่งนัก เพราะ..
จะต้องเป็นทั้งทาสและนักโทษประหาร
: ทหารที่เลือกจะหันหลังให้กับประชาชนและความขัดแย้ง ในตอนต้นของเหตุการณ์ สังเกตุคนบังคับม้า สวมเสื้อเหลือง ซึ่งจะได้เปรียบในการรบ มากกว่าเสื้อแดงชุดโบราณ ที่ถือโล่โบราณ และเป็นพลเดินเท้า
ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มีการแก้ต่าง (แถ) ไปต่างๆนาๆ ไม่แพ้กันทั้งสองฝ่าย แถมมีการสร้างภาพ บิดเบือน หรือนำมาแสดงข้อเท็จจริงไม่หมด เป็นสงครามสื่อที่เขาเล่นกันทั้งสองฝ่าย แต่รัฐจะได้เปรียบเพราะกุมสื่อได้มากกว่า (ภาพที่ 7 เสื้อเหลืองขี่ม้า เสื้อแดงแต่งชุดโบราณ โล่โบราณ)
: ผู้บงการ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ 'โฟนอิน'และ 'twitter' คอยกดปุ่มรีโมตคอนโทรลการเผาบ้านเผาเมืองตนเอง
น่าเอน็ดอนาจที่ท่านยังนอนเอกเขนกดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับ'ไฟ'ที่กำลังใหม้บ้านตนเอง
การตีความแบบzen นี้ก็ดีอย่าง ที่สามารถตีความได้หลากหลายตามฐานความรู้ ประสบการณ์ สติปัญญาของตน
อีกนัยะความหมายหนึ่งของภาพนี้ก็คือ พวกที่ sleeping on fire ฟุ้งเฟ้อกับบริโภคนิยม สังคมส่วนรวมจะเป็นเช่นไรก็ไม่สนใจ บ้านจะไฟใหม้ ภาคใต้จะมีระเบิด สังคมกำลังจะย่อยยับ ตนเองกอบโกย เอาตัวรอด สุกสบายได้ก็เป็นพอ
: ทหารท่านนี้ คงไม่เกี่ยวข้องกับ ชายชุดดำ แต่อย่างใด เขายังคงยืนหยัดทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็ง ณ ชายแดนที่ห่างไกล ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นนี้เพื่อนบ้านเรือนเคียงของเรากำลังมองและรอคอยจังหวะดำเนินการ
: เด็กและสตรีที่ถูกนำมาใช้เป็นโล่มนุษย์ท่ามกลางความขัดแย้ง
: ไฟที่กำลังใหม้ก็เป็นบ้านหลังเดียวกับท่านซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกับเราด้วย
: เอกลักษณ์ของท่านในทุกที่ที่ท่านไป ก็คือเครื่องแบบและหมวกเก่าๆ 1ใบ แต่ดูท่านจะคล้ายนักธุรกิจมากกว่าคนในเครื่องแบบ
: เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่สุดโต่งไปด้านติดดิน ไม่สนใจเงินทอง มีมหาวิทยาลัยวังชีวิต ที่ให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่ มีบทบาทสำคัญทางการเมือง และความขัดแย้งดังกล่าว
ที่มาของภาพ :
Guernica (painting) - Wikipedia, the free encyclopedia
ภาพตัวแทนความโหดร้ายของสงคราม
: เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่สุดโต่งไปด้านเงินทองความสุขสบาย มีลักษณะคล้ายจานบิน หรือ UFO มีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะการครอบงำการเมือง การศึกษาของประเทศ
ทั้งสองลัทธิถือเป็นม้าพยศของวงการศาสนา มีความแขร่งแกร่งดุจม้าเหล็ก และเป็นปฎิปักษ์ต่อกัน
แต่แนวโน้มท้ายที่สุดแล้ว ฝ่ายที่ติดดินจะพ่ายแพ้ เปรียบได้ดั่งสงครามการต่อสู้ของมนุษย์และ machineเพราะลัทธิลอยฟ้า จะมีทรัพย์ มีความหลงจากมิจฉาสมาธิเป็นกำลัง ครอบงำการเมือง และการศึกษาของรัฐ ทั้ง 30,000โรงได้มากกว่า ที่สำคัญ หากเจ้าลัทธิจานบินจากไป ความหอมหวานของทรัพย์ จะทำให้มีผู้สืบทอดต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
เป็นระบบที่กลายพันธ์มาจากการผสมของ 'ทานนิยมและทุนนิยม' ซึ่งน่ากลัวยิ่งนัก
แม้ความดีแบบหลงๆ จากมิจฉาสมาธินี้ จะออกมาจากเจตนาดีของผู้ถูกครอบงำก็ตาม แต่หากปล่อยให้เข้ามาครอบงำ การเมือง การศึกษาของประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จเมื่อใด
ด้วยฐานเสียงและอำนาจเงินอันมหาศาล จะมีอำนาจเพียงพอที่จะสถาปณาตนเป็นจักรพวรรดิ์ หรือเปลี่ยนแปลงคัมภีร์สำคัญทางพุทธศาสนาได้โดยง่ายดาย
'นาลันทา' ที่ยิ่งใหญ่ ล่มสลายก็ด้วยเหตุนี้แล
: แน่นอนว่า เหตการณ์ครั้งนี้ กระทบต่อกราฟขึ้นๆลงๆ พวกหุ้น และเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
: หากท่านเป็นพ่อบ้าน เป็นพ่อของลูกๆทุกๆคน
ครั้นสมัยท่านยังมีเรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ลูกทะเลาะ ยื้อแย่งสิ่งของกัน โกรธเกรี้ยวถึงขนาดจะทำลายบ้านหลังนี้
ให้พังไปต่อหน้าต่อตา ท่านก็อดไม่ได้...ที่จะห้ามปราม ตักเตือนด้วยความรักความเมตตา
บัดนี้ เมื่อถึงคราวท่านชราภาพ พ่อรู้ตัวว่า.. คงอยู่ดูแลลูกๆได้อีกไม่นาน
ครั้งนี้ลูกทะเลาะกันหนักถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง
หากพ่อไม่ตัดใจ ที่จะยอมให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเอง
หากครั้งต่อไป เกิดปัญหาตอนที่พ่อไม่อยู่ แล้วใครจะมาแก้ปัญหาให้กับลูกๆได้อีก ถ้าลูกๆไม่ฝึกที่จะเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาของตนเองซะแต่ตอนนี้
อย่าโกรธ อย่าเกลียด พ่อของเราเลย ที่ท่านได้เพียงแต่เฝ้ามอง
ที่ท่านไม่ห้ามปราม ท่านหวังดีและเมตตาต่อพวกเรามาก
ท่านยอมที่จะเห็นลูกทำร้ายกันเอง
ยอมเห็นลูกทำลายและเผาบ้านของตนเอง ...เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่
เรียนรู้ที่จะเริ่มแก้ไข จากความผิดพลาดของตนเอง
เรียนรู้ที่จะรับผิด ขอโทษ และให้อภัยกัน หันมารักใคร่ปรองดอง
เรียนรู้ ที่จะ... พึ่งตนเอง
เรียนรู้ที่จะเข้มแข็งพอ หากล้มแล้ว..ลูกๆจะสามารถลุกขึ้นมายืนได้อย่างเข้มแข็ง
ด้วยตัวเองอีกครั้ง..แม้ต่อไปจะไม่มีพ่ออยู่ด้วยก็ตาม
ข้างหน้ายังมีภัย และเรื่องที่ลูกๆต้องสามัคคีร่วมกันฟันฝ่าอีกมากนัก
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระมหาชนก สคส พระราชทานปี ๔๗
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ฯลฯ ล้วนออกมาเพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤติ
ทั้งหมดนี้คือความรักของพ่อ.. ความรักอันยิ่งใหญ่
(ส่วนตอนจบของมหากาพย์เรื่องนี้ จะเป็นดั่งพระราชนิพนธ์หรือไม่ ก็ต้องทำใจครับ
การรู้อนาคตหาใช่ มีไว้สำหรับเปลี่ยนแปลงอนาคตไม่
แต่จะเป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ ในหลายๆปัจจัยที่ทำให้เกิดอนาคต
ทุกอย่างอยู่กับเหตุและปัจจัย ภายใต้กฏทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
และความซับซ้อนของชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน
ขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะเลือกสร้างเหตุอย่างไร เหตุฝ่ายหายนะ หรือเหตุฝ่ายฟื้นฟู )
ที่มา :
'อนาคตังสญาณ'กับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองใน'พระมหาชนก'